ชีวิตที่ขาดเป้าหมาย
ไม่ต่างอะไรจากเรือที่ไร้เข็มทิศ
มันย่อมลอยเคว้งคว้างอยู่กลางมหาสมุทร
คนเราก็เช่นกันถ้าขาดเป้าหมายในการดำเนินชีวิตแล้ว
ชีวิตในแต่ละวันคงเฉื่อยชาหมดหวัง
ไร้ความตื่นเต้น
เหมือนวัวในโรงฆ่าสัตว์
ที่นั่งนอนรอวันตายเท่านั้น
.
เป้าหมายในชีวิตของคนเราย่อมแตกต่างกันไป
จำแนกตามความชอบ ความเชื่อ ความฝัน และอื่นๆ
บางคนตั้งเป้าหมายไว้ใกล้ใช้เวลาเดินไปไม่นานก็ถึง
(แต่ไม่เสมอไป)
.
บางคนตั้งเป้าหมายไว้ไกล
ต้องใช้เวลานาน
และอาจจะใช้เวลาทั้งชีวิตก็ได้ ถึงจะสำเร็จ
(ไม่เสมอไปเช่นกัน)
.
ทุกคนต่างมีเป้าหมาย
แต่ใช้ว่าทุกคนจะไปถึง
.
บางทีคนเราก็เปลี่ยนเป้าหมายอยู่เรื่อย
เห็นคนนี้ทำแบบนี้แล้วประสบความสำเร็จ
ก็อยากทำเหมือนกันกับเขา ละทิ้งเป้าหมาย
ของตนแล้วมาวิ่งตามหลังคนอื่น
.
พอถึงจุดๆหนึ่งเริ่มเจอความยากลำบาก
ก็เริ่มเหนื่อย เริ่มท้อ
เริ่มตั้งคำถามว่า
ทำไมเราไม่ประสบความสำเร็จ
ทั้งที่เราก็ทำเหมือนกันกับเขาทุกอย่าง
.
เพราะอะไรนะหรือ?
เพราะมันไม่ใช่ทางของเราไง
.
ความสำเร็จของคนอื่นที่เราเห็น
มันช่างสวยงามนัก
ชวนน่าหลงใหลจนเราลืมไปว่า
กว่าเขาจะมาถึงจุดๆนี้นั้น
เขาต้องใช้เวลา ความอดทน
และความพยายามมากขนาดไหน
ถึงจะประสบความสำเร็จ
.
จงกลับมาเดินตามทางของตนซะ
.
เป้าหมายที่มองเห็น
ดูเหมือนจะใกล้สำหรับสายตา
แต่ความจริงมันอยู่แสนไกล
สำหรับเท้าที่จะเดิน
.
เหมือนกับภูเขา
สายตาที่เรามองเห็นดูเหมือนมันจะอยู่ใกล้ๆและเล็กๆ
แต่เอาเข้าจริงแล้วมันอยู่ตั้งไกลและยิ่งใหญ่
เมื่อได้เอาเท้าลงไปเดิน
.
ก่อนขึ้นภูผาซาน
พระอาจารย์หนาว กับพระอาจารย์โจ
ท่านได้เอ่ยประโยคหนึ่งเชิงขำขัน
ขึ้นมาว่า ใกล้ตา ไกลตีน
.
ตอนแรกผู้เขียนก็ยังไม่เข้าใจแน่ชัด
จนได้สัมผัสความหมายของประโยคนี้
เข้าจริงๆ
.
ก็ตอนที่ต้องแบกร่างกายของชายวัย ๒๓(ตัวเอง)
น้ำหนัก ๖๕ ขึ้นผาต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก
.
ไกลจริงๆ
.
ภูเขาลูกที่เราขึ้นเป็นลูกเดียวกัน
กับภูเขาที่เรามองเห็นแล้วคิดว่า มันอยู่ใกล้
แท้จริงแล้ว...โอ้โห้
.
ประโยคนี้ของ พระอาจารย์ทั้งสอง
ลึกซึ้งยิ่งนัก ใกล้สำหรับตาที่มอง แต่ไกลสำหรับเท้าที่จะเดิน
.
เหมือนกับเป้าหมายในชีวิตเรานั้นแหละ
ความสำเร็จมันเหมือนจะอยู่ใกล้ๆ
แต่ที่จริงแล้วระยะทางที่จะไปหา
ความสำเร็จนั้นช่างไกลเหลือเกิน
.
แต่มันก็ไม่ไกลเกินกว่าความพยายามของคนหรอกนะ
ถ้าเราเลือกเดินทางที่ใช่สำหรับเรา
#หลวงพี่มหาแต้ม