วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560

ความสุขที่แท้จริงจากวิจัยของฮาร์วาร์ด




ความสุขที่แท้จริงคืออะไร

       ฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลกใช้เวลาถึง 75ปีเพื่อทำงานวิจัยว่าอะไรคือความสุขที่แท้จริงของมนุษย์ผลการวิจัยพบว่าความสุขที่แท้จริงคือความสัมพันธ์ที่ดีโดยแบ่งเป็น 3 ข้อหลักๆ
       โรเบิร์ต วาลดิงเจอร์ หัวหน้าวิจัย รุ่นที่4 เปิดเผยว่าข้อแรกคือความสัมพันธ์ทางสังคมมีประโยชน์กับเรามากและความโดดเดี่ยวฆ่าเรากลายเป็นว่าคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวเพื่อนและสังคมของเขามีความสุขสุขภาพดีและอายุยืนกว่าคนที่มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นน้อยกว่า

       ข้อคิดที่สอง เขาพูดว่าที่เราได้เรียนรู้ คือ
ไม่ใช่แค่จำนวนเพื่อนที่คุณมีและไม่ใช่แค่การมีความสัมพันธ์ที่จริงจัง สิ่งสำคัญ คือ คุณภาพของความสัมพันธ์ใกล้ชิดเราพบว่าการมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ส่งผลเสียต่อสุขภาพเช่นชีวิตแต่งงานที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง และร้างความรักเป็นสิ่งที่ทำร้ายสุขภาพของเรา

        และข้อสุดท้ายข้อที่สามเขาบอกว่าบทเรียนที่สามที่เราเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์และสุขภาพของเรา คือความสัมพันธ์ที่ดีไม่ใช่แค่ปกป้องสุขภาพเท่านั้นแต่ยังปกป้องสมองของเราด้วย เราพบว่า การมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและมั่นคง
กับคนอีกคนในช่วงอายุ 80 เป็นสิ่งที่ปกป้องเรา คนที่มีความสัมพันธ์ ที่พวกเขารู้สึกว่าพึ่งพาอีกคนได้เมื่อต้องการมีความจำที่เฉียบคมเป็นระยะเวลานาน ส่วนคนที่มีความสัมพันธ์ที่พวกเขารู้สึกว่าไม่สามารถพึ่งพาอีกคนได้กลับมีสภาวะความจำเสื่อมถอยเร็วกว่า
.
        ข้อคิดจากวิจัยของฮาร์วาร์ดทำให้ฉุกคิดว่าความสัมพันธ์ที่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่สำคัญ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยจนบางครั้งก็เผลอทำร้ายจิตใจของคนรอบข้างโดยไม่รู้ตัวผลที่ตามมาก็คือ ความไม่เข้าใจกันการไม่คุยกันจนเกิดความอึดอัดและกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ที่ไม่มีวันหวนกลับคืนมา

ความสัมพันธ์ที่ดีคือความสุขของมนุษย์
ชีวิตมันสั้นเกินจะโกรธจะเกลียดกันควรใช้เวลาที่มีค่าจงมอบความอบอุ่นความรัก
ให้กันและกันแม้บางครั้งเวลาที่มี..มันอาจไม่เพียงพอด้วยซ้ำไป

๏ชยวุฑโฒ

ขอบคุณข้อมูล
https://www.ted.com/talks/robert_waldinger_what_makes_a_good_life_lessons_from_the_longest_study_on_happiness/transcript?language=th

หลวงปู่กิ่ง ปูชนียาจารย์แห่เมืองอุบลฯ พระธรรมเสนานี (กิ่ง มหปฺผลมหาเถร ป.ธ.๕ )



          หลวงปู่กิ่ง หรือ พระธรรมเสนานี (กิ่ง  มหปฺผโล ป.ธ.๕ ) ปูชนียาจารย์ แห่เมืองอุบล ฯ พระเถระผู้ที่สร้างคุโณปการแก่วงการคณะสงฆ์ในอดีตไว้อย่างมากมาย 

          หลวงปู่พระธรรมเสนานี  นามเดิมของท่านนั้นคือ กิ่ง  นิลดำอ่อน    ฉายา  มหปฺผโล เกิดเมื่อวันที่ ๑๒  มีนาคม  ๒๔๔๕  ที่ บ้านทุ่งบอน หมู่  ๒  ตำบลบุ่งหวาย อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นบุตรคนที่  ๒ ของนายพั่ว และ นางกอง  มีอาชีพทำนา ท่านบรรพชาเป็นสามเณรตอนอายุ  ๑๙ ปี  เมื่อวันที่  ๓ มิถุนายน  ๒๔๖๔  ที่วัดมณีวนาราม    โดยมีพระครูวิจิตรธรรมภาณี (พวง  ธมฺมทีโป ) เป็นพระอุปัชฌาย์  

         เมื่ออายุครบ  ๒๐ ปี ท่านได้อุปสมบท  ณ  พัทธสีมาวัดบ้านโนนบอน  ตำบลบุ่งหวาย   อำเภอวารินชำราบ  จังหวัดอุบลราชธานี  เมื่อวันที่  ๑  มิถุนายน  ๒๔๖๕  โดยมีพระครูวิจิตรธรรมภาณี (พวง  ธมฺมทีโป ) เป็นพระอุปัชฌาย์   พระอธิการลา  วัดวารินทราราม  เป้นพระกรรมวาจาจารย์  พระครูอินทสารคุณ  วัดบุ่งหวาย  เป็นพระอนุสาวนาจารย์   อุปสมบทแล้ว ได้อยู่วัดบ้านทุ่งบอน อยู่ระยะหนึ่ง จึงได้ย้ายมาอยู่วัดมณีวนาราม กับผู้เป็นหลวงลุง คือ  พระครูวิจิตรธรรมภาณี (พวง ธมฺมทีโป )  เป็นเวลา ๔ พรรษา 

       ในขณะนั้นท่านมีความมุ่งมั่นที่จะเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรร จึงได้กราบลาหลวงลุง แล้วออกเดินทางด้วยเท้าจากจังหวัดอุบลฯ  วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๔๖๘ ท่านได้รับความเมตตาจากคุณอา ๒ คน นำส่งจนถึงสถานีรถไฟจังหวัดสุรินทร์ ใช้เวลาเดินทางเป็นเวลา ๔ วัน ๓ คืน โดยมีนายคำ นิลดำอ่อน ผู้เป็นน้องชายติดตามไปด้วย พอถึงจังหวัดสุรินทร์ได้เข้าพักแรมบ้านนางทิพย์ นามเสนา เป็นผู้อุปถัมภ์ติดต่อนำขึ้นรถไฟสำหรับขนหินถมทางรถไฟ จนถึงตัวจังหวัดบุรีรัมย์ ค้างคืนที่สนามหญ้าหน้าสถานีรถไฟจังหวัดบุรีรัมย์ ๑ คืน แล้วจึงขึ้นรถไฟจากสถานีบุรีรัมย์ไปกรุงเทพมหานคร สมัยนั้นค่าตั๋วรถไฟจากสถานีบุรีรัมย์ถึงกรุงเทพมหานคร คนละ ๑๒ บาท ๕๐ สตางค์ รถไฟออกจากสถานีจังหวัดบุรีรัมย์ถึงสถานีรถไฟนครราชสีมาพักแรมคืนหนึ่ง จึงขึ้นรถไฟต่อไปถึงกรุงเทพมหานคร

       ท่านพระอาจารย์มหาปุ้ยเป็นธุระนำสองพี่น้องไปฝากไว้กับท่านพระครูวิเศษศีลคุณ (ชุ่ม) เจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ อ.คลองสาน จ.ธนบุรี สมัยนั้นท่านก็เมตตายินดีรับอยู่ร่วมสำนัก และให้สร้างกติกาสัญญาฝากตนเองไว้ ๓ ข้อ 

๑. จักตั้งใจเรียนจริง
๒. จักช่วยรับภารธุระพระศาสนาอย่างเคร่งครัดในกิจวัตรเสมอ
๓. หากฝ่าฝืนกติกาสัญญานี้ ยินดีที่จะออกไปเสียจากวัดนี้ด้วยดี เพื่อรักษาเกียรติวัด พระศาสนาไว้

       ในระหว่างเรียนหนังสือนี้ เคยอยู่ร่วมสำนักกับท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ ผู้เชี่ยวชาญภาษาบาลี มีศิษย์เป็นเปรียญธรรมจำนวนมากท่านหนึ่งท่านได้อยู่ศึกษาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ๘ ปีเศษ  จึงได้ย้ายกลับสู่วัดมณีวนาราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลฯ 
การปกครอง
๑. เป็นเจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม
๒. เป็นเจ้าสำนักเรียนนักธรรม-บาลี วัดมณีวนาราม
๓. เป็นเจ้าคณะอำเมืองเมืองอุบลราชธานี
๔. เป็นเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี 
๕.เป็นรองเจ้าคณะภาค  ๑๐

การศึกษา
พ.ศ.๒๔๖๔ สอบได้นักธรรมชั้นตรีในสำนักวัดมณีวนาราม จ.อุบลฯ
พ.ศ. ๒๔๗๑ สอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค สำนักเรียนวัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ
พ.ศ. ๒๔๗๓ สอบได้นักธรรมชั้นโท สำนักเรียนวัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ
พ.ศ. ๒๔๗๔ สอบได้เปรียญธรรม ๔ ประโยค สำนักเรียนวัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ
พ.ศ. ๒๔๗๕ สอบได้เปรียญ ๕ ประโยค ในสำนักเรียนวัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ

สมณศักดิ์
๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ ได้รับสมณศักดิ์เป็น พระครูวิจิตรธรรมภาณี
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ เลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระญาณเมธี
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๖ ได้รับราชทินนามใหม่เป็น พระเมธีรัตโนบล
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระรัตนมงคลเมธี
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพมงคลเมธี 
๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๖ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมเสนานี 

การสาธารณูปการ
พ.ศ. ๒๔๗๖ นำก่อสร้างสุขศาลา ๑ หลัง(สถานีอนามัย) บ่อน้ำ ๑ บ่อ ณ บ.ทุ่งบอน ต.บุ่งหวาย อ.วารินชำราบ 

พ.ศ. ๒๔๘๓ นำซ่อมกุฏิ ๑ หลังขนาด ๖.๖ เมตร ยาว ๖.๖๖ เมตร ณ วัดมณีวนาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

พ.ศ. ๒๔๘๔ นำประชาชน ต.บุ่งหวาย ทำคูน้ำหนองบอน ให้เป็นหนองน้ำสาธารประโยชน์ ประจำ ต.บุ่งหวาย กว้าง ๔เมตร ยาว ๔๐ เมตร ร่วมกับคณะกรรมการอำเภอเมืองอุบลราชธานี นำประชาชนปิดทำนบในเขตอำเภอเมืองอุบลราชธานี รวม ๓ แห่ง
๑.ห้วยวังโฮ กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๓๐ เมตร
๒. ปรับปรุงหนองจำนัก ต.หัวเรือ กว้าง ๒ เมตร ยาว ๕๐ เมตร
๓. ปรับปรุงหนองเต่า บ.เป้า ต.เหล่าเสือโก้ก กว้าง ๔ เมตร ยาว ๔๐ เมตร

พ.ศ. ๒๔๗๘ นำสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดมณีวนาราม ๑ หลัง กว้าง ๘ เมตร ยาว ๒๔ เมตร ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหมู่กุฏีรวม ๒ หลัง

พ.ศ. ๒๔๙๑ นำประชาชน บ.ทุ่งขุนใหญ่ ต.หนองขอน ทำการปิดทำนบกั้นน้ำหนองเบ็น เพื่อประโยชน์ใช้สอยสาธารณูปโภค กว้าง ๒ เมตร ยาว ๒๐ เมตร

พ.ศ. ๒๔๙๒ นำสร้างศาลาการเปรียญวัดหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี กว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๒๑ เมตร

พ.ศ. ๒๔๙๓ นำสร้างเจดีย์บรรจุพระพุทธรูปเหลือใช้บูชา และอัฐิพระครูวิโรจน์รัตโนบล(บุญรอด)
วัดทุ่งศรีเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี 

พ.ศ. ๒๔๙๔ นำสร้างอุโบสถบ้านตุงลุง อ.โขงเจียม ๑ หลัง กว้าง๔ เมตร ยาว ๙ เมตร

พ.ศ. ๒๔๙๕ นำสร้างโรงเรียนบาลีวิจิตรสังฆานุกูล วัดมณีวนาราม ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี 
จำนวน ๑ หลัง ลักษณะ ๒ ชั้น รวม ๑๑ ห้องเรียน กว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๒๔ เมตร ปัจจุบันใช้เป็นที่เรียนหนังสือ ร.ร.อุบลวิทยากร โรงเรียนการกุศลในพระพุทธศาสนาของวัดมณีวนาราม และ และเป็นสถานสอบธรรม-บาลีสนามหลวงประจำจังหวัดอุบลราชธานี

พ.ศ. ๒๔๙๙ นำสร้างสุขศาลาอีก ๑ หลัง ประจำหมู่บ้านทุ่งบอน หมู่ ๒ ต.บุ่งหวาย อ.วารินชำราบ
-เปิด ร.ร.อุบลวิทยากร โดยอาศัยอาคารโรงเรียนบาลีวิจิตรสังฆานุกูล ต่อมาสร้างอาคารเรียนอีก ๑ หลัง กว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๖๒.๕๐ เมตร สำหรับใช้เป็นหอประชุมคณะสงฆ์และโรงเรียนอุบลวิทยากรบนเนื้อที่ดินสำหรับสร้างโรงเรียนประมาณ ๕ ไร่เศษ และกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศรับรองฐานะ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๒ สมัย ดร.ก่อ สวัสดิพานิช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและนายบุญเหลือ แฝงเวียง เป็นศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี

พ.ศ. ๒๕๐๐-๒๕๐๔ นำสร้างศาลาการเปรียญ ๒ ชั้น กว้าง ๑๗.๗๐ เมตร ยาว ๓๐.๖๐ เมตร สำหรับเป็นอาคารเรียนธรรม-บาลี สถานที่สอบธรรมสนามหลวง-บาลีสนามหลวง มาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๒
นำสร้างซุ้มประตูโขงวัดมณีวนาราม ฝั่งถนนหลวง โดยเจ้าของร้านสินประเสริฐ อุทิศถวายแด่บรรพชน
นำสร้างซุ้มประตูโขงวัดมณีวนาราม ด้านถนนพโลรังฤทธิ์ โดย พันเอกฑิณ มหาดิลก อุทิศแด่คุณนายมาลัย มหาดิลก ส่วนการสร้างกำแพงวัดโดยรอบทั้ง ๔ ด้าน สำเร็จแล้วบนเนื้อที่ดินวัดประมาณ ๑๖ ไร่ ๑ งานเศษ สรุปศกนี้ มีหมู่กุฎีน้อยใหญ่ตั้งอยู่แล้ รวม ๑๔ หลัง

พ.ศ. ๒๕๐๙-๒๕๒๒ นำสร้างอุโบสถวัดมณีวนาราม ๑ หลัง โดยก่อสร้างตรงบริเวณอุโบสถเก่าแก่โบราณโดยทำการรื้อออก แล้วสร้างใหม่ ตามแบบแปลนของกรมศิลปากร กว้าง ๘ เมตร ยาว ๒๓ เมตร รวมเงินก่อสร้าง ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท(สองล้านบาท) ใช้เวลาในการก่อสร้าง ๑๔ ปี จึงแล้วเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์

พ.ศ.๒๕๒๕ นางอุบล แสงศิริ พร้อมบุตรชาย นายวิรัชและคณะ นำสร้างกุฏีพระเทพมงคลเมธี จำนวน ๑ หลัง ๒ ชั้น กว้าง ๖ เมตรยาว ๙ เมตร รวมเงินค่าก่อสร้าง ๘๐๐,๐๐๐ บาท (แปดแสนบาทถ้วน) และทำรั้วกุฎีหลังนี้สิ้นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท(หกหมื่นบาทถ้วน)

พ.ศ. ๒๕๓๐ นำสร้างเมรุ ๑ หลัง พร้อมกับศาลาคู่เมรุ ๑ หลัง รวมค่าก่อสร้างเมรุ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองล้านบาทถ้วน) และค่าก่อสร้างศาลาคู่เมรุ ๖๐,๐๐๐ บาท (หกหมื่นบาทถ้วน) โดย บริษัทศรีสมบูรณ์ เป็นเจ้าภาพศรัทธา เพื่ออุทิศถวายบรรพชนบิดามารดา

พ.ศ. ๒๕๓๕ นำปฏิสังขรณ์กุฎิแดงแล้วเสร็จ ซึ่งกุฎีหลังนี้ท่านเจ้าคุณพระอริยวงศาจารย์ ฯ ปฐมเจ้าอาวาสเคยพำนักจำพรรษาอยู่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๓ นอกจากนั้นยังนำสร้างตึกสงฆ์อาพาธ จัดหาเครื่องเอ็กซเรย์เคลื่อนที่ให้โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และสมทบทุนสร้างตึกสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลพิบูลมังสาหาร อุบลราชธานี

มรณภาพ
        พระเดชพระคุณพระธรรมเสนานี อาพาธด้วยโรคชรา ศิษยานุศิษย์ อุบาสก อุบาสิกา ได้นำเข้ารักษาโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงฆ์ จังหวัดอุบลราชธานี และในที่สุดได้ถึงแก่มรณภาพด้วยอาการอันสงบ เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ ๒๕๓๘ เวลา ๑๗.๔๕ น. สิริอายุได้ ๙๒ ปี ๑๑ เดือน กับ ๘ วัน
       สมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน  พระราชทานเพลิงศพ พระธรรมเสนานี (กิ่ง  มหปฺผโล ป.ธ.๕ )  ณ เมรุวัดมณีวนาราม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่  ๑๕  ธันวาคม  ๒๕๓๘ 



       หลวงปู่เป็นพระมหาเถระผู้รัตตัญญู สุปฏิบัติ ที่เป็นเสมือน แม่ทัพ โดยแท้ คือเป็น แม่ทัพธรรม ผู้กล้าหาญ ผู้เด็ดเดี่ยว เข็มแข็ง หนักแน่น อดทน มีไหวพริบ ปฏิภาณ และทรงธรรมปัญญา สามารถนำกองทัพธรรมของพุทธบริษัทออกสงครามต่อสู้กับความยากจน ความโง่เขลา ความทุกข์โศก โรคภัยอันตราย และอธรรมคือกิเลสทั้งหลาย ชีวิตอันยาวนานในสมณเพศของพระเดชพระคุณ โดยมิได้หวาดหวั่นท้อถอยแต่ประการใด ราชทินนาม พระธรรมเสนานี แม่ทัพธรรม นี้ จึงควรแท้แก่พระ มหาเถระนักต่อสู้เด็ดเดี่ยวเข็มแข็ง เป็นครุฐานียะปูชนียบุคคลที่สูงส่ง มีศิลาจารวัตรปฏิปทาอันบริสุทธิ์ เป็น พระแท้ ที่ควรแก่การกราบไหว้บูชาได้สนิทใจรูปหนึ่งของคณะสงฆ์ไทย ในบานะพระเดชพระคุณได้ประกอบคุณงามความดีอันบริสุทธิ์อย่างมั่งคงตลอดมา

ข้อมูล หนังสือกิ่งธรรม 
          หนังสือปูชณียาจารย์  แห่งเมืองอุบลฯ
           เพจวัดมณีวนาราม


วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2560

ขอเชิญร่วมพิธีฉลองสมณศักดิ์ พัดยศ พระราชาคณะชั้นเทพ และ ทำบุญอายุวัฒนมงคล ๕๒ ปี พระเทพวราจารย์ ( ศรีพร ป.ธ.๙ ,Ph.D.) เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐


กำหนดการ
พิธีฉลองสมณศักดิ์  พัดยศ พระราชาคณะชั้นเทพ และ ทำบุญอายุวัฒนมงคล ๕๒ ปี 
พระเทพวราจารย์ ( ศรีพร ป.ธ.๙ ,Ph.D.) 
เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม
๕  พฤษภาคม  ๒๕๖๐




เวลา ๐๙.๐๐ น.   -นักเรียนผู้รับทุนการศึกษา  เข้านั่งประจำที่
                           -พระเทพวราจารย์  มอบปัจจัยเพื่อสาธารณประโยชน์
                           -พระเทพวราจารย์  มอบทุนการศึกษา
                           -ญาติโยมผู้ร่วมงานเข้านั่งประจำที่
                           -พระสงฆ์ที่นิมนต์มาร่วมงานเข้านั่งประจำที่
                           -ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี  จุดธูป  เทียนบูชาพระรัตนตรัย
                           -พิธีกรนำไหว้พระรับศีล
                           -ประธานสงฆ์ให้ศีล
                           -ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี  อ่านพระบรมราชโองการ  พระราชาคณะชั้นเทพ
                           -พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา
                          -ประธานสงฆ์กล่าวสัมโมทนียกถา
                          -พิธีกรอารธนาพระปริตรมงคล
                          -พระสงฆ์สมณศักดิ์เจริญพระพุทธมนต์
                          -ถวายไทยธรรม/พระสงฆ์อนุโมทนา/กรวดน้ำรับพร
                          -ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์-สามเณร
                         -ญาติโยมรับประทานอาหารร่วมกัน  เป็นเสร็จพิธี





ข้อมูลจากสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี

วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560

รางวัลวัดจัดการสิ่งเเวดล้อม ระดับดีมาก วัดมณีวนาราม อุบลราชธานี



        กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  จัดงานประชุมมอบโล่รางวัลวัดที่ผ่านเกณฑ์การจัดการสิ่งเเวดล้อม ในวันที่ ๒๓  มีนาคม ๒๕๖๐  ณ อาคารหอประชุม  มวก.๔๘  พรรษา  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย   อำเภอวังน้อย  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 
     




      วัดมณีวนารามได้รับโล่รางวัลวัดจัดการสิ่งแวดล้อมระดับดีมาก  พระเดชพระคุณพระเทพวราจารย์เจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม   เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ได้มอบหมายให้ พระครูโกศลวิหารคุณ รองเจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม เจ้าคณะตำบลในเมืองเขต  ๑  เป็นผู้แทนเข้ารับ   โดยมี พระเดชพระคุณพระ ศาสตราจารย์ ดร. พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต)   กรรมการมหาเถรสมาคม อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย    เป็นผู้มอบโล่รางวัล


ชยวุฑโฒ




๕ อย่างที่น่าจะทำในวันพระ

         

              สิ่งที่น่าจะทำในวันพระ หลายคนอ่านแล้วอาจจะเเปลกใจทำไมไม่เป็นสิ่งที่ควรจะทำ จุดประสงค์ของผู้เขียนไม่ได้บังคับให้ทำตาม แต่เพียงแค่เอามาแลกเปลี่ยนสู่กันอ่าน ถ้าอ่านแล้วคิดว่าตัวเองทำได้ก็สามารถนำไปลองปฏิบัติได้


๕  อย่างที่น่าจะทำในวันพระ

๑. ตื่นแต่เช้า

          การตื่นแต่เช้าจะทำให้เราสดชื่นกับการเริ่มต้นวันใหม่ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น เเละการตื่นแต่เช้ายังทำให้เรามีเวลาวางแผนการใช้ชีวิตมากขึ้นว่าในวันนี้เราควรทำอะไร เป็นการตั้งเป้าหมายเพื่อไม่ให้หลงลืมในการทำงาน

๒.สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น

          การสวดมนต์ทำวัตรเช้าจะทำให้จิตใจเราเบิกบานเพื่อรองรับสิ่งใหม่ๆที่จะเข้ามาในชีวิต และในการทำวัตรเย็นนั้นยังทำให้เรานอนหลับฝันดี ไม่ฝันร้าย เป็นการเสริมสร้างจิตใจให้เข้มแข็งและ ยังทำให้เราได้แผ่เมตตาให้แก่เจ้ากรรมนายเวรอุทิศส่วนบุญให้ผู้มีพระคุณด้วย  ส่วนบทสวดมนต์นั้นก็ตามสะดวกของแต่ละบุคคล สวดมนต์พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ก็ได้ตามแต่จะสบายใจ  สวดมนต์ดีต่อใจ สวดได้หมดจะสดชื่น

๓.นั่งสมาธิ

           หลังจากสวดมนต์เสร็จลองนั่งสมาธิดู เพราะการนั่งสมาธิจะทำให้เรามีสติตั้งมั่นควบคุมอารมณ์ได้ จะไม่ทำให้เราโกรธง่ายเมื่อเจอสิ่งที่ไม่พึงประสงค์มากระทบใจ เป็นการทบทวนตนเองนั่งกำหนดลมหายใจเข้าออก นั่งตามเวลาที่ตนเองสะดวกอาจเริ่มที่ ๕ นาที ก้ได้


๔. ทำบุญตักบาตรรักษาศีล ๕ 

         การได้ทำบุญตักบาตรในตอนเช้าๆ ถือว่าเป็นการสั่งสมเสบียงบุญ เพราะการสั่งสมบุญนั้นนำสุขมาให้ และควรทำตามกำลังศรัทธาของตนจะได้สบายใจ แถมได้ฝึกในการให้ ลดความตระหนี่อีกด้วยนะ การรักษาศีล  ๕ คือ ไม่โหดร้าย  ไม่มือไหว  ไม่ใจเร็ว  ไม่ปากเหม็น  ไม่ขาดสติ   หรือสั้นๆ คือ รักษากาย รักษาวาจา  รักษาใจ คือการรักษาศีล

๔.หัดพอใจในสิ่งที่มี

        ความสุขอาจไม่ได้อยู่กับทุกสิ่งที่เราอยากได้ แต่อาจอยู่กับความพอใจในสิ่งที่เรามี
ความพอดีจะทำให้ใจเรามีความสุข ไม่ต้องวิ่งตามความอยากจนเป็นทุกข์ ที่เกิดจากความไม่พอ เพราะความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ความพอใจ ควรอยู่กับสิ่งที่มี ให้มากกว่าสิ่งที่อยากมี



      ๕ อย่างที่น่าจะทำในวันพระเป็นสิ่งง่ายๆที่ใครๆก็ทำได้  ไม่จำเป็นต้องเป็นวันพระเสมอไปเราสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพื่อเราจะมีความสุขมากขึ้นในการใช้ชีวิต

 พรุ่งนี้วันพระ


ชยวุฑโฒ

พระศักดิ์สิทธิ์ของเมืองดอกบัว พระแก้วโกเมน วัดมณีวนาราม อุบลราชธานี



       

        พระแก้วโกเมนเป็นพระพุทธรูปปารมารวิชัย ประดิษฐานที่วัดมณีวนาราม เป็นหนึ่งในพระแก้ว๖ องค์สำคัญของจังหวัดอุบลราชธานี  คือ  พระแก้วบุษราคัม พระแก้วไพฑูรย์ พระแก้วเพชรน้ำค้าง พระแก้วนิลกาฬ และ พระแก้วมรกต


      ประวัติโดยสังเขปพระแก้วโกเมนอุบัติขึ้นในยุคเดียวกับพระเเก้วบุษราคัม  ในยามเกิดศึกสงครามสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นได้นำพระแก้วโกเมนไปซ่อนไว้ จนบ้านเมืองสงบจึงได้นำพระแก้วโกเมนมาประดิษฐานที่วัดมณีวนาราม โดยทางวัดได้ทำการเก็บรักษาไว้เป็นความลับตลอดมา 


 จนสิ้นสมัยหลวงปู่กิ่ง  พระธรรมเสนานี ทางคณะกรรมการวัดจึงนำพระแก้วโกเมนลงมาให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้สักการะบูชาตามเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์  วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  และทุกวันที่  ๖  มีนาคมของทุกปีจะมีพิธีอัญเชิญหลวงพ่อพระแก้วโกเมนลงสมโภชพุทธาภิเษกตลอดทั้งคืน 



ชยวุฑโฒ


 

วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2560

กุฏิรางวัลพระราชทาน กุฏิพระอริยวงศจารย์ (กุฏิแดง) วัดมณีวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี


             สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี 
พระราชทาน
รางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น  ประจำปี ๒๕๕๘  

ประเภท  อาคารปูชนียสถานและวัดวาอาราม   

กุฏิพระอริยวงศาจารย์(กุฏิแดง) 
จังหวัดอุบลราชธานี

คัดเลือกโดย สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์



                   
                 โดยมีพระเดชพระคุณพระเทพวราจารย์ เจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี  เข้ารับพระราชทาน ในวันศุกร์ ที่ ๒๔ มีนาคม  ๒๕๖๐  ณ  ศาลาดุสิดาลัย  สวนจิตรลดา












สิ้นแล้วหลวงปู่ใหม่พระเถราจารย์แห่งเมืองคำชะอี

   

           เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๐ เพจพระครูใหม่ เจ้าอาวาสวัดแจ้ง บ้านเเข้ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ได้โพสต์แจ้งข่าวว่า พระครูโอภาสนวกิจ หรือ หลวงปู่ใหม่  ได้มรณภาพอย่างสงบ เมื่อเวลาประมาณ ๐๓.๐๐ น.ของวันที่  ๒๒ เมษายน ๒๕๖๐  ที่สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรม (วัดป่าบ้านเเข้) อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร สิริอายุ  ๘๗ ปี  ๖๑ พรรษา     


         หลวงปู่ใหม่นับว่าเป็นพระเถราจารย์อีกรูปหนึ่งของเมืองคำชะอี  เป็นพระผู้มีสัมมาปฏิบัติรัญตัญญู ครบถ้วนด้วยศีลาจารวัตร เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา มีปฏิปทาเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสของสาธุชนชาวคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร  


     ความตายนั้นถึงแม้จะเป็นสัจธรรมที่คนเราหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่การที่หลวงปู่จากไปนั้นนำความโศกเศร้ามาแก่ศิษยานุศิษย์อันหาที่สุดมิได้  การบำเพ็ญกุศลศพพระครูโอภาสนวกิจหรือหลวงปู่ใหม่ ตั้งบำเพ็ญกุศลศพณ สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรม (วัดป่าบ้านเเข้) อ.คำชะอี  จ.มุกดาหาร


  


น้อมถวายอาลัยขอให้หลวงปู่ไปสู่นิพานเถิด

ชยวุฑโฒ
ขอบคุณข้อมูลจาก เเฟนเพจ พระครูใหม่ เจ้าอาวาสวัดแจ้ง บ้านแข้ อ.คําชะอี จ.มุกดาหาร
ขอบคุณภาพจาก   เฟสบุ๊ค พระครูกิตติธรรมนันท์ วัดโพธิ์ศรี อำเภอคำชะอี มุกดาหาร
 พระอิทธิญาณภิกขุ ครูบาโจ

คำด่าในตอนนั้นคือคำสอนในตอนนี้

       

    ตอนวัยรุ่นไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมแม่ถึงคอยจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตประจำวัน การตื่น การนอน การกิน การไปเรียน พร้อมกับการทำงานบ้าน งานบ้านเป็นอะไรที่น่าเบื่อที่สุดสำหรับเด็กวัยรุ่นที่กำลังติดเล่น ติดเพื่อน กลับจากโรงเรียนต้องหุ้งข้าว ซักผ้าเองแถมต้องซักมืออีกต่างหาก มิหนำซ้ำเสาร์ อาทิตย์วันหยุดแทนที่จะได้พักผ่อนแต่กลับต้องไปทำงานรับจ้าง เพราะถ้าไม่ทำก็ไม่มีตังใช้ 


     ครั้งแรกที่ทำงานรับจ้างทำสวนได้ค่าแรงวันละ 80 บาท ถึงแม้จะเป็นเงินแค่เล็กน้อยแต่ความภูมิใจมากที่หาเงินใช้เองได้แล้ว ได้เงินค่าแรงแล้วก็รีบกลับบ้านเอาตังไปให้แม่เพื่อเป็นการตอกย้ำว่า ผมหาเงินได้แล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มรับจ้างรายวัน เสาร์-อาทิตย์ สูงสุดได้ถึงวันละ300 บาท แต่ก็ไม่เหลือเพราะได้ตังมาก็ไม่เคยเก็บซื้อนั้นซื้อนี้จนหมด เเถมโดนแม่ด่าบ่อยๆ 

  ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมแม่ถึงต้องยุ่งยากกับชีวิตเราหนักหนา เรามักจะตอบโต้ด้วยประโยคยอดฮิตที่ว่า โตแล้วนะแม่ จะยุ่งอะไรกับชีวิตผม แม่ไม่เคยเข้าใจวัยรุ่นเลย แต่ตอนนี้พึ่งรู้ว่าเราต่างหากที่ไม่เคยเข้าใจท่าน เมื่อวันที่ต้องออกจากบ้านไปเผชิญหน้ากับโลกภายนอกที่ไม่มีพ่อแม่คอยช่วยเหลือจึงเข้าใจว่า ที่ท่านคอยจ้ำจี้จ้ำไชเราอยู่ตลอดเวลาเป็นเพราะท่านต้องการฝึกเราให้พร้อม
ที่ท่านบอกให้ตื่นแต่เช้า ทำกับข้าว  ซักผ้า หาเงินใช้เอง  และต้องหัดประหยัด  เพราะท่านเป็นห่วงว่าเมื่อเราต้องออกไปใช้ชีวิตด้วยตนเอง เราต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้ เป็นการสอนโดยเราไม่รู้ตัว ท่านเหมือนช่างตีกระบี่เหล็กที่ท่านค่อยๆตีจนกลายเป็นกระบี่ที่คมและเเข็งแกร่ง พร้อมจะออกไปรบกับอุปสรรคปัญหาที่จะเกิดขึ้นในหนทางชีวิตข้างหน้า  คำด่าในตอนนั้น คือ คำสอนในตอนนี้ ตอนที่เราต้องเอาสิ่งที่ท่านบ่มเพาะเราออกมาใช้ในชีวิตจริง
    
        ฉะนั้นวัยรุ่นหนุ่มสาวที่พยายามเรียกร้องความเข้าใจจากพ่อแม่ควรเข้าใจท่านก่อน ที่ท่านด่าที่ท่านสอนเพราะท่านเป็นห่วงเรา อย่าเห็นความสำคัญของคนอื่นมากกว่าผู้ให้กำเนิดตน ผู้คนมากมายในโลกนี้จะหาคนแบบท่านไม่มีอีกแล้ว ตราบใดที่ยังมีเวลาอยู่กับท่านจงดูแลเอาใจใส่อย่าปล่อยให้ท่านเดียวดายอย่าให้ท่านเหนื่อยเปล่าจงเป็นคนดีให้ท่าานได้ภาคภูมิใจ เพราะพ่อกับแม่มีคนเดียวในโลก

ชยวุฑโฒ

โพสต์แนะนำ

แล้วมันจะผ่านไปจริงๆ

                                สักวันหากคุณเจอ เรื่องราวร้ายๆ   ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  เรื่องที่คุณไม่สามารถ แก้ไขอะไรมันได้   ...