วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560

หลวงปู่กิ่ง ปูชนียาจารย์แห่เมืองอุบลฯ พระธรรมเสนานี (กิ่ง มหปฺผลมหาเถร ป.ธ.๕ )



          หลวงปู่กิ่ง หรือ พระธรรมเสนานี (กิ่ง  มหปฺผโล ป.ธ.๕ ) ปูชนียาจารย์ แห่เมืองอุบล ฯ พระเถระผู้ที่สร้างคุโณปการแก่วงการคณะสงฆ์ในอดีตไว้อย่างมากมาย 

          หลวงปู่พระธรรมเสนานี  นามเดิมของท่านนั้นคือ กิ่ง  นิลดำอ่อน    ฉายา  มหปฺผโล เกิดเมื่อวันที่ ๑๒  มีนาคม  ๒๔๔๕  ที่ บ้านทุ่งบอน หมู่  ๒  ตำบลบุ่งหวาย อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นบุตรคนที่  ๒ ของนายพั่ว และ นางกอง  มีอาชีพทำนา ท่านบรรพชาเป็นสามเณรตอนอายุ  ๑๙ ปี  เมื่อวันที่  ๓ มิถุนายน  ๒๔๖๔  ที่วัดมณีวนาราม    โดยมีพระครูวิจิตรธรรมภาณี (พวง  ธมฺมทีโป ) เป็นพระอุปัชฌาย์  

         เมื่ออายุครบ  ๒๐ ปี ท่านได้อุปสมบท  ณ  พัทธสีมาวัดบ้านโนนบอน  ตำบลบุ่งหวาย   อำเภอวารินชำราบ  จังหวัดอุบลราชธานี  เมื่อวันที่  ๑  มิถุนายน  ๒๔๖๕  โดยมีพระครูวิจิตรธรรมภาณี (พวง  ธมฺมทีโป ) เป็นพระอุปัชฌาย์   พระอธิการลา  วัดวารินทราราม  เป้นพระกรรมวาจาจารย์  พระครูอินทสารคุณ  วัดบุ่งหวาย  เป็นพระอนุสาวนาจารย์   อุปสมบทแล้ว ได้อยู่วัดบ้านทุ่งบอน อยู่ระยะหนึ่ง จึงได้ย้ายมาอยู่วัดมณีวนาราม กับผู้เป็นหลวงลุง คือ  พระครูวิจิตรธรรมภาณี (พวง ธมฺมทีโป )  เป็นเวลา ๔ พรรษา 

       ในขณะนั้นท่านมีความมุ่งมั่นที่จะเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรร จึงได้กราบลาหลวงลุง แล้วออกเดินทางด้วยเท้าจากจังหวัดอุบลฯ  วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๔๖๘ ท่านได้รับความเมตตาจากคุณอา ๒ คน นำส่งจนถึงสถานีรถไฟจังหวัดสุรินทร์ ใช้เวลาเดินทางเป็นเวลา ๔ วัน ๓ คืน โดยมีนายคำ นิลดำอ่อน ผู้เป็นน้องชายติดตามไปด้วย พอถึงจังหวัดสุรินทร์ได้เข้าพักแรมบ้านนางทิพย์ นามเสนา เป็นผู้อุปถัมภ์ติดต่อนำขึ้นรถไฟสำหรับขนหินถมทางรถไฟ จนถึงตัวจังหวัดบุรีรัมย์ ค้างคืนที่สนามหญ้าหน้าสถานีรถไฟจังหวัดบุรีรัมย์ ๑ คืน แล้วจึงขึ้นรถไฟจากสถานีบุรีรัมย์ไปกรุงเทพมหานคร สมัยนั้นค่าตั๋วรถไฟจากสถานีบุรีรัมย์ถึงกรุงเทพมหานคร คนละ ๑๒ บาท ๕๐ สตางค์ รถไฟออกจากสถานีจังหวัดบุรีรัมย์ถึงสถานีรถไฟนครราชสีมาพักแรมคืนหนึ่ง จึงขึ้นรถไฟต่อไปถึงกรุงเทพมหานคร

       ท่านพระอาจารย์มหาปุ้ยเป็นธุระนำสองพี่น้องไปฝากไว้กับท่านพระครูวิเศษศีลคุณ (ชุ่ม) เจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ อ.คลองสาน จ.ธนบุรี สมัยนั้นท่านก็เมตตายินดีรับอยู่ร่วมสำนัก และให้สร้างกติกาสัญญาฝากตนเองไว้ ๓ ข้อ 

๑. จักตั้งใจเรียนจริง
๒. จักช่วยรับภารธุระพระศาสนาอย่างเคร่งครัดในกิจวัตรเสมอ
๓. หากฝ่าฝืนกติกาสัญญานี้ ยินดีที่จะออกไปเสียจากวัดนี้ด้วยดี เพื่อรักษาเกียรติวัด พระศาสนาไว้

       ในระหว่างเรียนหนังสือนี้ เคยอยู่ร่วมสำนักกับท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ ผู้เชี่ยวชาญภาษาบาลี มีศิษย์เป็นเปรียญธรรมจำนวนมากท่านหนึ่งท่านได้อยู่ศึกษาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ๘ ปีเศษ  จึงได้ย้ายกลับสู่วัดมณีวนาราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลฯ 
การปกครอง
๑. เป็นเจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม
๒. เป็นเจ้าสำนักเรียนนักธรรม-บาลี วัดมณีวนาราม
๓. เป็นเจ้าคณะอำเมืองเมืองอุบลราชธานี
๔. เป็นเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี 
๕.เป็นรองเจ้าคณะภาค  ๑๐

การศึกษา
พ.ศ.๒๔๖๔ สอบได้นักธรรมชั้นตรีในสำนักวัดมณีวนาราม จ.อุบลฯ
พ.ศ. ๒๔๗๑ สอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค สำนักเรียนวัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ
พ.ศ. ๒๔๗๓ สอบได้นักธรรมชั้นโท สำนักเรียนวัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ
พ.ศ. ๒๔๗๔ สอบได้เปรียญธรรม ๔ ประโยค สำนักเรียนวัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ
พ.ศ. ๒๔๗๕ สอบได้เปรียญ ๕ ประโยค ในสำนักเรียนวัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ

สมณศักดิ์
๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ ได้รับสมณศักดิ์เป็น พระครูวิจิตรธรรมภาณี
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ เลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระญาณเมธี
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๖ ได้รับราชทินนามใหม่เป็น พระเมธีรัตโนบล
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระรัตนมงคลเมธี
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพมงคลเมธี 
๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๖ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมเสนานี 

การสาธารณูปการ
พ.ศ. ๒๔๗๖ นำก่อสร้างสุขศาลา ๑ หลัง(สถานีอนามัย) บ่อน้ำ ๑ บ่อ ณ บ.ทุ่งบอน ต.บุ่งหวาย อ.วารินชำราบ 

พ.ศ. ๒๔๘๓ นำซ่อมกุฏิ ๑ หลังขนาด ๖.๖ เมตร ยาว ๖.๖๖ เมตร ณ วัดมณีวนาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

พ.ศ. ๒๔๘๔ นำประชาชน ต.บุ่งหวาย ทำคูน้ำหนองบอน ให้เป็นหนองน้ำสาธารประโยชน์ ประจำ ต.บุ่งหวาย กว้าง ๔เมตร ยาว ๔๐ เมตร ร่วมกับคณะกรรมการอำเภอเมืองอุบลราชธานี นำประชาชนปิดทำนบในเขตอำเภอเมืองอุบลราชธานี รวม ๓ แห่ง
๑.ห้วยวังโฮ กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๓๐ เมตร
๒. ปรับปรุงหนองจำนัก ต.หัวเรือ กว้าง ๒ เมตร ยาว ๕๐ เมตร
๓. ปรับปรุงหนองเต่า บ.เป้า ต.เหล่าเสือโก้ก กว้าง ๔ เมตร ยาว ๔๐ เมตร

พ.ศ. ๒๔๗๘ นำสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดมณีวนาราม ๑ หลัง กว้าง ๘ เมตร ยาว ๒๔ เมตร ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหมู่กุฏีรวม ๒ หลัง

พ.ศ. ๒๔๙๑ นำประชาชน บ.ทุ่งขุนใหญ่ ต.หนองขอน ทำการปิดทำนบกั้นน้ำหนองเบ็น เพื่อประโยชน์ใช้สอยสาธารณูปโภค กว้าง ๒ เมตร ยาว ๒๐ เมตร

พ.ศ. ๒๔๙๒ นำสร้างศาลาการเปรียญวัดหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี กว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๒๑ เมตร

พ.ศ. ๒๔๙๓ นำสร้างเจดีย์บรรจุพระพุทธรูปเหลือใช้บูชา และอัฐิพระครูวิโรจน์รัตโนบล(บุญรอด)
วัดทุ่งศรีเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี 

พ.ศ. ๒๔๙๔ นำสร้างอุโบสถบ้านตุงลุง อ.โขงเจียม ๑ หลัง กว้าง๔ เมตร ยาว ๙ เมตร

พ.ศ. ๒๔๙๕ นำสร้างโรงเรียนบาลีวิจิตรสังฆานุกูล วัดมณีวนาราม ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี 
จำนวน ๑ หลัง ลักษณะ ๒ ชั้น รวม ๑๑ ห้องเรียน กว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๒๔ เมตร ปัจจุบันใช้เป็นที่เรียนหนังสือ ร.ร.อุบลวิทยากร โรงเรียนการกุศลในพระพุทธศาสนาของวัดมณีวนาราม และ และเป็นสถานสอบธรรม-บาลีสนามหลวงประจำจังหวัดอุบลราชธานี

พ.ศ. ๒๔๙๙ นำสร้างสุขศาลาอีก ๑ หลัง ประจำหมู่บ้านทุ่งบอน หมู่ ๒ ต.บุ่งหวาย อ.วารินชำราบ
-เปิด ร.ร.อุบลวิทยากร โดยอาศัยอาคารโรงเรียนบาลีวิจิตรสังฆานุกูล ต่อมาสร้างอาคารเรียนอีก ๑ หลัง กว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๖๒.๕๐ เมตร สำหรับใช้เป็นหอประชุมคณะสงฆ์และโรงเรียนอุบลวิทยากรบนเนื้อที่ดินสำหรับสร้างโรงเรียนประมาณ ๕ ไร่เศษ และกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศรับรองฐานะ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๒ สมัย ดร.ก่อ สวัสดิพานิช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและนายบุญเหลือ แฝงเวียง เป็นศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี

พ.ศ. ๒๕๐๐-๒๕๐๔ นำสร้างศาลาการเปรียญ ๒ ชั้น กว้าง ๑๗.๗๐ เมตร ยาว ๓๐.๖๐ เมตร สำหรับเป็นอาคารเรียนธรรม-บาลี สถานที่สอบธรรมสนามหลวง-บาลีสนามหลวง มาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๒
นำสร้างซุ้มประตูโขงวัดมณีวนาราม ฝั่งถนนหลวง โดยเจ้าของร้านสินประเสริฐ อุทิศถวายแด่บรรพชน
นำสร้างซุ้มประตูโขงวัดมณีวนาราม ด้านถนนพโลรังฤทธิ์ โดย พันเอกฑิณ มหาดิลก อุทิศแด่คุณนายมาลัย มหาดิลก ส่วนการสร้างกำแพงวัดโดยรอบทั้ง ๔ ด้าน สำเร็จแล้วบนเนื้อที่ดินวัดประมาณ ๑๖ ไร่ ๑ งานเศษ สรุปศกนี้ มีหมู่กุฎีน้อยใหญ่ตั้งอยู่แล้ รวม ๑๔ หลัง

พ.ศ. ๒๕๐๙-๒๕๒๒ นำสร้างอุโบสถวัดมณีวนาราม ๑ หลัง โดยก่อสร้างตรงบริเวณอุโบสถเก่าแก่โบราณโดยทำการรื้อออก แล้วสร้างใหม่ ตามแบบแปลนของกรมศิลปากร กว้าง ๘ เมตร ยาว ๒๓ เมตร รวมเงินก่อสร้าง ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท(สองล้านบาท) ใช้เวลาในการก่อสร้าง ๑๔ ปี จึงแล้วเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์

พ.ศ.๒๕๒๕ นางอุบล แสงศิริ พร้อมบุตรชาย นายวิรัชและคณะ นำสร้างกุฏีพระเทพมงคลเมธี จำนวน ๑ หลัง ๒ ชั้น กว้าง ๖ เมตรยาว ๙ เมตร รวมเงินค่าก่อสร้าง ๘๐๐,๐๐๐ บาท (แปดแสนบาทถ้วน) และทำรั้วกุฎีหลังนี้สิ้นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท(หกหมื่นบาทถ้วน)

พ.ศ. ๒๕๓๐ นำสร้างเมรุ ๑ หลัง พร้อมกับศาลาคู่เมรุ ๑ หลัง รวมค่าก่อสร้างเมรุ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองล้านบาทถ้วน) และค่าก่อสร้างศาลาคู่เมรุ ๖๐,๐๐๐ บาท (หกหมื่นบาทถ้วน) โดย บริษัทศรีสมบูรณ์ เป็นเจ้าภาพศรัทธา เพื่ออุทิศถวายบรรพชนบิดามารดา

พ.ศ. ๒๕๓๕ นำปฏิสังขรณ์กุฎิแดงแล้วเสร็จ ซึ่งกุฎีหลังนี้ท่านเจ้าคุณพระอริยวงศาจารย์ ฯ ปฐมเจ้าอาวาสเคยพำนักจำพรรษาอยู่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๓ นอกจากนั้นยังนำสร้างตึกสงฆ์อาพาธ จัดหาเครื่องเอ็กซเรย์เคลื่อนที่ให้โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และสมทบทุนสร้างตึกสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลพิบูลมังสาหาร อุบลราชธานี

มรณภาพ
        พระเดชพระคุณพระธรรมเสนานี อาพาธด้วยโรคชรา ศิษยานุศิษย์ อุบาสก อุบาสิกา ได้นำเข้ารักษาโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงฆ์ จังหวัดอุบลราชธานี และในที่สุดได้ถึงแก่มรณภาพด้วยอาการอันสงบ เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ ๒๕๓๘ เวลา ๑๗.๔๕ น. สิริอายุได้ ๙๒ ปี ๑๑ เดือน กับ ๘ วัน
       สมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน  พระราชทานเพลิงศพ พระธรรมเสนานี (กิ่ง  มหปฺผโล ป.ธ.๕ )  ณ เมรุวัดมณีวนาราม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่  ๑๕  ธันวาคม  ๒๕๓๘ 



       หลวงปู่เป็นพระมหาเถระผู้รัตตัญญู สุปฏิบัติ ที่เป็นเสมือน แม่ทัพ โดยแท้ คือเป็น แม่ทัพธรรม ผู้กล้าหาญ ผู้เด็ดเดี่ยว เข็มแข็ง หนักแน่น อดทน มีไหวพริบ ปฏิภาณ และทรงธรรมปัญญา สามารถนำกองทัพธรรมของพุทธบริษัทออกสงครามต่อสู้กับความยากจน ความโง่เขลา ความทุกข์โศก โรคภัยอันตราย และอธรรมคือกิเลสทั้งหลาย ชีวิตอันยาวนานในสมณเพศของพระเดชพระคุณ โดยมิได้หวาดหวั่นท้อถอยแต่ประการใด ราชทินนาม พระธรรมเสนานี แม่ทัพธรรม นี้ จึงควรแท้แก่พระ มหาเถระนักต่อสู้เด็ดเดี่ยวเข็มแข็ง เป็นครุฐานียะปูชนียบุคคลที่สูงส่ง มีศิลาจารวัตรปฏิปทาอันบริสุทธิ์ เป็น พระแท้ ที่ควรแก่การกราบไหว้บูชาได้สนิทใจรูปหนึ่งของคณะสงฆ์ไทย ในบานะพระเดชพระคุณได้ประกอบคุณงามความดีอันบริสุทธิ์อย่างมั่งคงตลอดมา

ข้อมูล หนังสือกิ่งธรรม 
          หนังสือปูชณียาจารย์  แห่งเมืองอุบลฯ
           เพจวัดมณีวนาราม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โพสต์แนะนำ

แล้วมันจะผ่านไปจริงๆ

                                สักวันหากคุณเจอ เรื่องราวร้ายๆ   ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  เรื่องที่คุณไม่สามารถ แก้ไขอะไรมันได้   ...