วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ทดสอบขันติบารมี กราบหลวงพ่อกึ่งพุทธกาล ณ ภูน้อย อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร


         หากชอบเดินป่าแต่ไม่มีเวลาหลายวัน ผู้เขียนขอแนะนำสถานที่แห่งนี้เหมาะสมนักกับท่านที่ชมเดินป่า ชมธรรมชาติแต่ไม่มีเวลาเยอะ เพราะที่นี้ใช้เวลาแค่วันเดียว ก็ทำให้ท่านสัมผัสและดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงามและสบายตา ที่ที่ว่านี้คือ ภูน้อย



       ภูน้อย ตั้งอยู่ที่อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ห่างจากตัวอำเภอคำชะอีประมาณ ๒-๓ กิโลเมตร ถ้าเราเดินทางมาจากตัวอำเภอมุ่งหน้าสู่บ้านหนองเอี่ยนดง เลี้ยวซ้ายตรงข้ามกับองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำเที่ยง ขับรถตรงเข้าไปประมาณ ๑ กิโลเมตร ก็จะเจอป้ายอยู่ทางซ้ายมือเขียนว่า สำนักสงฆ์พุทธสถานภูน้อย ขับตรงไปเรื่อยๆก็จะถึง  เส้นทางอาจจะไม่สะดวกนักแต่ก็สามารถนำรถเข้าไปจอดถึงตีเขาได้



       ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงก็สามารถเดินถึงยอดเขาได้ (แล้วแต่กำลังส่วนบุคคล) พอถึงข้างบนท่าจะพบกับธรรมชาติสวยงามบรรยากาศเย็นสบาย พื้นป่าเต็มไปด้วยหินน้อยใหญ่รูปร่างต่างๆที่ธรรมชาติสร้างไว้ แถมข้างบนยอดเขายังมีพระพุทธรูปองค์สำคัญ คือ พระพุทธรูป  ๒๕  ศตวรรษ หรือ หลวงพ่อกึ่งพุทธกาล  




      ตามประวัติเขียนไว้ในแผ่นจารึก หลวงพ่อกึ่งพุทธกาลสร้างเมื่อ วันที่ ๑๘  เมษายน ๒๕๐๐ เวลา ๙.๓๐ นาที ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๔ ค่ำ  เดือน  ๕ ปีระกา เสร็จเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๐๐ เวลา ๑๒.๐๐ นาที  ตรงกับวันศุกร์  ขึ้น  ๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา 
       นี้เป็นข้อความส่วนหนึ่งจากแผ่นจารึกที่ตั้งอยู่ใกล้ที่ประดิษฐานองค์พระ และในวันขึ้น  ๑๔-๑๕ ค่ำ เดือน ๖ จะมีเทศกาลสรงน้ำหลวงพ่อกึ่งพุทธกาลเป็นประจำของทุกปี


     ภูน้อย เป็นสถานที่น่ามาเยี่ยมชม เพราะมาที่นี้เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว คือ ได้ชมธรรมชาติทิวทัศน์มุมสูงของอำเภอคำชะอีและได้กราบขอพรหลวงพ่อกึ่งพุทธกาลเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอีกด้วย  ฉะนั้นท่านใดมีความสนใจสามารถมาทดสอบขันติบารมี หรือ ความอดทนกันได้  แต่ผู้เขียนขอแนะนำว่าก่อนมาจงฟิตร่ายกายให้ดี เพราะท่านอาจจะเหนื่อยจนเป็นลมก็ได้นะจะบอกให้

       ความสวยงานอาจถูกซุกซ่อนไว้ในความลำบาก เมื่อเราอดทนผ่านความลำบากนั้นมาได้จุดหมายย่อมสวยงามเสมอ





ชยวุฑโฒ
ขอบคุณข้อมูลจาก อัญญาโจ

วันพุธที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

อบอุ่นใจ อบอุ่นธรรม ณ บึงสังวาล บ้านหนองบง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

...หากปรารถนาชีวิตแบบ Slow life สถานที่แห่งนี้นับว่า สัปปายะ เหมาะสมยิ่งนัก โดยลักษณะพื้นที่เป็นเกาะล้อมรอบด้วยน้ำจึงทำให้สถานที่แห่งนี้เย็นตา เย็นใจพอสมควร
...ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้วที่แห่งนี้เป็นป่ารกไม่ได้ใช้ประโยชน์ ได้ยินชาวบ้านเล่าว่าบึงหนองบงแห่งนี้ เคยเป็นสถานที่จัดงานลอยกระทงที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งในอำเภอคำชะอี แต่ด้วยความเปลี่ยนผันทางด้านการเมืองท้องถิ่น จึงทำให้สถานที่แห่งนี้โดนทิ้งร้างไป
...พอมาถึงปัจจุบันได้มีผู้หลักผู้ใหญ่ทางด้านคณะสงฆ์และบ้านเมือง เล็งเห็นความสำคัญจึงพัฒนาทำให้เกาะกลางน้ำแห่งนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งมีสะพานข้ามไปมาสะดวกต่างจากแต่ก่อนต้องว่ายน้ำข้ามมา
... และยังเป็นสถานที่จัดปฏิบัติธรรมเป็นประจำทุกปี โดยมีพระครูสิทธิการโกวิท คณะสงฆ์และชาวบ้านร่วมกันจัดขึ้น ถ้าท่านใดสนใจก็สามารถมาได้ในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี
...กลับมาครั้งนี้เกาะกลางบึงยังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆในอนาคตคาดว่าคงเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของอำเภอคำชะอี แถมในเกาะมีสัตว์ให้ชมมากมายเช่น ม้า หมูป่า กระต่าย เป็นต้น และผู้ใดปรารถนาชีวิตแบบSlow life สามารถมาสัมผัสบรรยากาศนี้ได้ พิกัดที่บ้านหนองบง ตำบลหนองเอี่ยน อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ถ้ามาจากตัวเมืองจะอยู่ซ้ายมือ ถ้ามาจากตัวอำเภอคำชะอีจะอยู่ขวามือ
...อยากรู้ต้องมาดูเอาเอง สถานที่อันเงียบสงบที่จะทำให้ท่านดื่มด่ำกับธรรมชาติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว
#ไร้แรงกดดัน
#ไร้การแข่งขัน
#ไร้ความวุ่นวาย
๏ชยวุฑโฒ

วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมสวดมนต์ เจริญจิตภาวนาและเวียนเทียน เนื่องในวันวิสาขบูชา ณ วัดมณีวนาราม วันนี้ เวลา ๑๖.๓๐ น. เป็นต้นไป




         ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมสวดมนต์ เจริญจิตภาวนาและเวียนเทียน เนื่องในวันวิสาขบูชา ณ วิหารหอพระแก้วโกเมน  วัดมณีวนาราม วันนี้ เวลา ๑๖.๓๐ น. เป็นต้นไป

วิสาขบูชา วันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

      



กำเนิดผู้มีบุญญาธิการ 

           เช้าวันศุกร์ ขึ้น  ๑๕  ค่ำ  เดือน  ๖  ปีจอ ๘๐ปีก่อนพุทธศักราช ณ อุทยานสวนลุมพินีวันใต้ต้นสาละคู่ พระนางสิริมหามายาพระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ได้ประสูติเจ้าชายพระองค์น้อยผู้มีบุญญาธิการ  ทันทีที่พระบาททั้ง ๒ ของเจ้าชายแตะพื้นได้เสด็จพระราชดำเนินไป  ๗  ก้าว แต่ละก้าวมีดอกบัวทิพย์ผุดขึ้นรองรับแล้วได้กล่าววาจาว่า "เราเป็นผู้เลิศ  เป็นผู้เจริญที่สุด เป็นผู้ประเสริฐที่สุดแห่งโลก การเกิดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย  บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีกแล้ว'' เป็นการกล่าวอาสภิวาจาอย่างองอาจ

         ๕  วันหลังเจ้าชายประสูติพระบิดาโปรดให้ประชุมพระประยูรญาติเพื่อขนานพระนามเจ้าชายน้อย และได้สั่งให้เชิญพราหมณ์ ๑๐๘ มาเลี้ยงโภชนาหาร เหลือพราหมณ์  ๘ คน ที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าทำนายลักษณะของพระกุมาร หนึ่งในนั้นคือ โกณฑัญญพราหมณ์ ผู้ทำนายเป็นอย่างเดียวว่า พระราชกุมารจักเสด็จออกบวช ตรัสรู้เป็นพระสัมมามัมพุทธเจ้าศาสดาเอกของโลก  พราหมณ์เหล่านอกนั้นทำนายเป็น๒ อย่าง คือ ๑.ถ้าอยู่ครองฆราวาสจักเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ๒.ถ้าออกบวชจะเป็นศาสดาเอกของโลก   เมื่อทำนายลักษณะเสร็จได้ขนานพระนามเจ้าชายพระองค์น้อยว่า ''สิทธัตถะ'' ซึ่งแปลว่าผู้มีความต้องการสำเร็จ      พอครบ  ๗ วันแห่งการประสูติ ผู้เป็นพระมารดาคือ พระนางสิริมหามายาก็ได้เสด็จสวรรคต

ออกบวชจนพบทางหลุดพ้น

        เจ้าชายสิทธัตถะเจริญพระชนมายุได้  ๑๖ พรรษาได้อภิเษกกับพระนางพิมพา  พระราชธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะแห่งแคว้นโกลิยะ และได้เสวยสุขบนปราสาท ๓ ฤดู จนมีประชนมายุได้ ๒๙ พรรษามีความประสงค์เสด็จประพาสพระราชอุทยานโดยรถม้า จนได้ทอดพระเนตรเห็น คนแก่  คนเจ็บ  คนตาย  พระองค์ตรัสถามนายสารถีจนทราบความแล้วเกิดความสลดพระทัยเป็นอย่างมาก แต่กลับทรงเกิดความเลื่อมใสน้อมพระทัยออกบวชเมื่อเห็น  สมณะ  หลังจากกลับจากพระราชอุทานก็ได้ทราบข่าวว่าพระชายาของพระองค์ประสูติพระโอรส เมื่อได้ยินพระองค์ได้เปล่งวาจาว่า บ่วงเกิดแล้ว เครื่องผูกเกิดแล้ว จึงขนานนามพระโอรสว่า ราหุล ในคืนนั้นพระองค์เสด็จสู่ห้องบรรทม ทอดพระเนตรเหล่านางสนมนอนหลับมีอาการต่างๆ เช่น น้ำลายไหล กรน ละเมอ จนพระองค์มีพระทัยน้อมไปในการบวช ตัดสินพระทัยออกจากเมืองพร้อมกับนายฉันนะด้วยม้ากัณฐกะ จนถึงเเม่น้ำอโนมานทีและได้ตัดพระเกศาและพระมัสสุผนวช ณ ฝั่งเเม่น้ำอโนมา

            หลังผนวชพระองค์ได้ประทับอยู่แคว้นมัลละ  ๗ วันแล้วเสด็จมุ่งหน้าสู่งสำนักของอาฬารดาบส จนสำเร็จวิชาสมาบัติ ๗ และต่อด้วยสำนักของ อุทกดาบสจนสำเร็จอรูปฌานที่ ๕ ในเวลารวดเร็ว แต่สิ่งที่พระองค์ศึกษามิใช่ทางตรัสรู้จึงอำลาอาจารย์ สู่อุรุเวลาเสนานิคมโดยมีปัญจวัคคีย์ติดตาม เมื่อถึงอุรุเวลาเสนานิคมทรงเริ่มบำเพ็ญทุกกิริยา ทรมานพระวรกายให้ลำบากนานถึง ๖ ปี จนรู้ว่านี่ไม่ใช่ทางตรัสรู้ เมื่อสดับเสียงพิณ ๓ สาย ทรงดำริว่า สายหนึ่งตรึงเกินไป พอดีดหน่อยจะขาด สายที่สองหย่อนดีดแล้วไม่เกิดเสียง สายที่สามไม่หย่อนไม่ตรึงมาก ดีดเสียงไพเราะจับใจ หลังจานั้นทรงเลิกบำเพ็ญทุกกิริยาหันมายึดทางสายกลางคือ มัชฌิมาปฏิปทา

           ขึ้น ๑๕ ค่ำ  เดือน  ๖   ๔๕ ปี ก่อนพุทธศักราช พระองค์ได้ประทับภายใต้ต้นอชปาลนิโครธ ในเวลาเช้าได้เสวยข้าวมธุปายาสที่นางสุชาดานำมาถวาย เสร็จแล้วเสด็จถือถาดทองคำไปสู่แม่น้ำเนรัญชรา อธิฐานว่า ''ถ้าเราจะได้ตรัสรู้สัพพัญญุตญาณ ขอให้ถาดนี้จงลอยทวนกระเเสน้ำ'' และถาดทอดคำนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำตามคำอธิฐานแล้วจมลงสู่นาคพิภพ ในระหว่างทางที่เสด็จกลับพระองค์ได้รับหญ้าจากโสตถิยพราหมณ์ ๘ กำ และพบต้นพระศรีมหาโพธิ์ทรงลาดหญ้าคาเป็นบัลลังก์มีพระทัยแน่วแน่ว่าสถานที่นี้ตรัสรู้พระโพธิญาณ
      พระองค์นั่งหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกตั้งสัตยาธิฐานว่า''ถ้าไม่ได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ จักไม่ลุกจากบัลลังก์ ถึงแม้เนื้อเเละเลือดจะเหือดแห้งไปก็ตามที'' และในวันนั้นพระองค์ได้ชนะพระยาวสดีมารเมื่อพระยามารหนีกลับพระองค์ได้ตั้งความเพียรจนถึงปัจฉิมยามพระองค์ได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณอย่างสมบูรณ์  เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศาสดาเอกของโลก


ดับขันธปรินิพพาน

      พระพุทธองค์ประกาศศาสนายาวนานจนมีพระชนมายุได้ ๘๐  ปี ในพรรษาสุดท้ายเมื่อพระยาวสวัตตีกราบทูลให้ปรินิพพาน พระองค์ได้ปลงอายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ เมืองไพศาลี ตรงกับวันเพ็ญเดือน  ๓ คือต่อจากนี้ไป ๓ เดือนพระองค์จักปรินิพพาน  และในพรรษานั้นพระองค์เสด็จไปเมืองปาวาทรงรับบิณบาตครั้งสุดท้ายของนายจุนทะ ครั้งเสวยสุกรมัทวะเสร็จโรคปักขันทิกาพาธก็กำเริบจึงเสด็จสู่เมืองกุสินาราจนถึงอุทยานของพระเจ้ามัลละพระองค์ทรงสำเร็จสีหไสยาสน์ระหว่างต้นสาละทั้งคู่

     ในปัจฉิมยามพระพุทธองค์ได้ตรัสปัจฉิมโอวาทว่าดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย, บัดนี้เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด พระองค์ได้ปรินิพพานตรงกับวันอังคารขึ้น ๑๕ ค่ำ  เดือน  ๖  ณ ต้นสาละคู่ เมืองกุสินารา นับเป็นเวลา  ๔๕ พรรษาที่พระองค์ได้ประกาศศาสนามาอย่างยาวนาน

        นี่คือความเป็นมาโดยประวัติสังเขปขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นบรมครูของเทวดาและมนุษย์ ตั้งแต่พระองค์ประสูติ ออกบวชจนได้ตรัสรู้ และปรินิพพานในที่สุด  จำเดิมแต่พระองค์ปรินิพพานผ่านมาแล้ว๒๕๐๐ กว่าปี คำสอนของพระองค์ยังคงมั่น สามารถนำมาปฏิบัติได้ไม่จำกัดกาลจำกัดสมัย ฉะนั้นวิสาขบูชานี้เราชาวพุทธทั้งหลายจงร่วมใจกันระลึกถึงคุณของพระพุทธองค์ เข้าวัดฟังธรรม ปฏิธรรม ถวายเป็นพุทธบูชาตามวัดใกล้บ้านด้วยใจศรัทธา


ชยวุฑโฒ เรียบเรียง

ข้อมูลอ้างอิง
หนังสือนักธรรมชั้นตรี  

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ภาพมงคลพิธีฉลองสมณศักดิ์ พัดยศ พระราชาคณะชั้นเทพ และ ทำบุญอายุวัฒนมงคล ๕๒ ปี พระเทพวราจารย์ ( ศรีพร ป.ธ.๙ ,Ph.D.) เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐






พระเทพวราจารย์ ( ศรีพร ป.ธ.๙ ,Ph.D.)
 เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม




พระเดชพระคุณพระพรหมสิทธิ เจ้าคณะภาค ๑๐  กรรมการมหาเถรสมาคม เมตตาเป็นประธานวางศิลากฤษ์  อาคารวราจารย์ 



พระเดชพระคุณพระพรหมวชิรญาณ  ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค  ๑๐  กรรมการมหาเถรสมาคม
 และพระเดชพระคุณพระพรหมสิทธิ เจ้าคณะภาค ๑๐  กรรมการมหาเถรสมาคม 
 เมตตาเดินทางมาเป็นประธานในพิธี


พระเดชพระคุณพระเทพวราจารย์ มอบทุนการศึกษาและปัจจัยสาธารณประโยชน์ 

ปัจจัยสาธารณประโยชน์ 
๑.กองทุนคณะสงฆ์อำเภอเมืองอุบลราชธานี   จำนวน  ๒๐,๐๐๐  บาท
๒.กองทุนคณะสงฆ์ ๒๔ อำเภอ อำเภอละ  ๕,๐๐๐ บาท    จำนวน  ๑๒๐,๐๐๐  บาท
๓.โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์  อุบลราชธานี  จำนวน  ๓๐,๐๐๐  บาท
๔.โรงพยาบาล  ๕๐  พรรษา  มหาวชิราลงกรณ   จำนวน  ๓๐,๐๐๐  บาท
๕.โรงพยาบาลวารินชำราบ   จำนวน  ๓๐,๐๐๐  บาท
๖.โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช  เดชอุดม  จำนวน  ๓๐,๐๐๐  บาท

ทุนการศึกษา
๑.มอบทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย   จำนวน  ๓๐,๐๐๐  บาท
๒.มจร.วิทยาเขตอุบลราชธานี  ๒๐ ทุน  ทุนละ  ๒,๐๐๐  บาท  รวม  ๔๐,๐๐๐ บาท
๓.โรงเรียนบาลีประจำจังหวัด  วัดพิชโสภาราม  ๕ ทุน  ทุนละ ๒,๐๐๐  บาท รวม  ๑๐,๐๐๐ บาท
๔.โรงเรียนบาลีสาธิต  วัดทุ่งศรีเมือง  จำนวน ๑๐  ทุน ทุนละ  ๑,๐๐๐  บาท  รวม ๑๐,๐๐๐ บาท
๕.โรงเรียนกิตติญาณวิทยา  วัดมหาวนาราม  ๑๐  ทุน  ทุนละ ๑,๐๐๐  บาท  รวม ๑๐,๐๐๐ บาท
๖.โรงเรียนเบญจะมะมหาราช ๕ ทุน  ทุนละ ทุนละ ๒,๐๐๐  บาท รวม  ๑๐,๐๐๐ บาท
๗.โรงเรียนนารีนุกูล  ๕ ทุน  ทุนละ ทุนละ ๒,๐๐๐  บาท รวม  ๑๐,๐๐๐ บาท
๘.โรงเรียนอุบลวิทยากร ๑๐๐ ทุน  ทุนละ  ๑,๐๐๐  บาท รวม ๑๐๐,๐๐๐ บาท
๙.หลานๆจำนวน ๓ ทุน ทุนละ ๓,๐๐๐ บาท รวม ๙,๐๐๐  บาท


พระเดชพระคุณพระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เมตตามาร่วมมุติตาจิต


พระเดชพระคุณพระราชรัตนโมลี เจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร  เมตตามาร่วมแสดงมุติตาจิต


พระครูวิสิฐพัฒนาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองอุบลราชธานี   เมตตามาร่วมแสดงมุติตาจิต


พระสงฆ์ทรงสมณสักดิ์ โดยมี พระเดชพระคุณพระธรรมเจดีย์ เจ้าคณะภาค ๑๑  
เมตตาเป็นประธานสงฆ์ เจริญชัยมงคลคาถา และเจรฺญพระพุทธมนต์



พระเดชพระคุณพระพรหมวชิรญาณ  ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค  ๑๐  กรรมการมหาเถรสมาคม
 และพระเดชพระคุณพระพรหมสิทธิ เจ้าคณะภาค ๑๐  กรรมการมหาเถรสมาคม 
 เมตตาเดินทางมาเป็นประธานในพิธี



นายสมศักดิ์ จังตระกุล 
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้เกียรติมาเป็นประธานฝ่ายฆราวาส




คณะสงฆ์สวดทักษิณานุประทาน



นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
ถวายไทยธรรมแด่พระเดชพระคุณพระพรหมวชิรญาณ


พระเดชพระคุณพระเทพวราจารย์  กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแด่บูรพาจารย์






ขอบคุณภาพจาก ;เฟสบุ็ค อนุวัตร ทิพพิชัย
เพจ  วัดมณีวนาราม

โพสต์แนะนำ

แล้วมันจะผ่านไปจริงๆ

                                สักวันหากคุณเจอ เรื่องราวร้ายๆ   ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  เรื่องที่คุณไม่สามารถ แก้ไขอะไรมันได้   ...