ในตาของเธอแดงก่ำบวมซ้ำน้ำตาไหลอาบหน้า พร้อมเสียงสะอึกสะอื้นเหมือนจะขาดลมหายใจ อาการแบบนี้บ่งบอกถึงความเศร้าโศกที่ประมาณไม่ได้ ความเจ็บปวดรวดร้าวนี้บีบคั้นหัวใจของเธอแทบแตกสลาย ดอกไม้สีขาวพร้อมไฟแสงสีระยิบระยับประดับตกแต่งกล่องสี่เหลี่ยมที่่เรียกว่า หีบศพ เป็นการประดับตกแต่งที่ไม่มีใครอยากทำ และเป็นหีบที่ไม่มีใครอยากได้มาครอบครอง ข้างๆหีบห้อมล้อมด้วยผู้คนมากมาย คนอื่นอาจดูยิ้มแย้มแจ่มใส แต่เธอคนนี้เป็นทุกข์เหมือนถูกศรทิ่มแทงกลางอก เพราะคนที่นอนในหีบนั้น คือ ลูกสาวผู้เป็นดังแก้วตาดวงใจที่มาด่วนจากไปอย่างกะทันหัน
เธอคลอดเขาออกมาด้วยความรัก เฝ้าฟูมฟักรักษาไม่เคยห่าง เธอรักเขามากกว่าตัวเองเสียอีก เมื่อลูกมาจากไปหัวอกของคนเป็นแม่แทบจะขาดรอน แม้เธอจะร้องไห้จนหมดสิ้นซึ่งน้ำตา วิงวอนจนเหนื่อยล้าก็ไม่มีวันหวนคืน ลูกสาวของเธออายุ ๑๙ ปี พึ่งจบ ม.๖ กำลังจะเข้าเรียนต่อมหาลัยวิทยาลัย ความฝันของเธอคือจะคว้าใบปริญญามาให้พ่อแม่ให้ได้ เธอเป็นคนขยันและมารยาทดีจึงเป็นที่รักของเหล่าญาติมิตร ชีวิตของเธอกำลังไปได้สวย เหมือนดอกไม้ที่กำลังจะเบ่งบานอย่างสวยงาม แต่มัจจุราชคือความตายก็ไม่เคยปราณีใคร ชีวิตเป็นของไม่ยั่งยืนแต่ความตายเป็นของยั่งยืน ไม่มีใครหนี้พ้น ไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อย รวยหรือจน ต่ำแหน่งสูงหรือต่ำ มันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เมื่อถึงเวลามันพร้อมจะปลิดชีพของทุกคนทันที
เสียงพระสวดกุสลาดังก้องบ้านเป็นวันสุดท้ายของการบำเพ็ญกุศล ต่อจากนี้น้องต้องเดินทางคนเดียว เป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายที่เเสนเดียวดายมีเสบียงคือบุญกุศลที่น้องสั่งสมมาและพ่อแม่ญาติมิตรทำอุทิศให้เพื่อส่งน้องไปสู่ภพใหม่ภพที่คนมีชีวิตไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อนอยู่ตรงนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างใครเล่าจะรู้
กลิ่นควันธูปลอยอบอวลน้ำตาของเธอยังไม่หยุดไหลร่างของลูกกำลังจะสลายไปต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดในใจของเธอไม่มีใครสามารถรับรู้ได้ ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียหากไม่เคยสูญเสีย ยิ่งเป็นการสูญเสียคนที่รักแล้วยิ่งทำใจได้ยาก แล้วใครหนอจะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของเธอได้ นอกเสียจากเวลาจะช่วยเยียวยาบาดแผลในใจนี้แต่คงต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะพอ
เมื่อกลิ่นควันธูปสิ้นไป คราบน้ำตาเหือดแห้งหาย คงเป็นวันนั้นแหละวันที่เธอเข้มแข็งที่จะยอมรับกฎของความเป็นจริงนี้ตลอดชีวิต
ชยวุฑฺโฒ