วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เรื่องเล่าบนรถแท็กซี่

๏แท็กซี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้เขียนเลือกใช้อยู่เป็นประจำไม่ว่าจะไปมหาลัยหรือไปร้านหนังสือ  เพียงแค่โทรหาคอลเซ็นเตอร์ รอสักครู่ก็จะมีแท็กซี่มารับถึงที่  ด้วยบริการที่สะดวกสบายรวดเร็วประทับใจ ทำให้ติดใจและเลือกใช้บริการบ่อยครั้ง

ที่ผู้เขียนสนใจไม่ใช่แค่การบริการด้วยความสะดวกสบายเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีมุมที่ยังคงเป็นเสน่ห์บนรถแท็กซี่ คือเรื่องเล่า..และประสบการณ์ชีวิตของคนขับ

ระหว่างเรารอรถแท็กซี่ เราไม่รู้หรอกว่าจะได้ใครเป็นคนขับ เพราะคนขับแท็กซี่แต่ละคนล้วนมีอายุ อุปนิสัย อารมณ์ วุฒิการศึกษา  ฐานะครอบครัว ที่แตกต่างกันไป

บ้างครั้งก็มีคนขับเป็นถึง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน เกษียณราชการแล้วมารายได้พิเศษ บาทีก็เจอวัยรุ่นใจร้อน  ขับ..เร็ว แรง.เกือบทะลุนรกก็มี  หรือแม้แต่วัยกลางคนที่กำลังมีครอบครัว

คนขับเหล่านี้มีเรื่องเล่าเรื่องคุยที่มีรสชาติแตกต่างกันออกไป อย่างเช่นเรื่องของพี่คนนี้

๏อาทิตย์ที่แล้วนั่งแท็กซี่จากสถานีขนส่งมาที่พัก ระหว่างทางก็ได้สนทนาคุยกันเป็นเรื่องปกติ  "ขับรถมากี่ปีแล้ว" ผู้เขียนเปิดประเด็นถาม  แล้วพี่แกก็ตอบว่า" ขับตั้งแต่อายุสิบแปด ตอนนี้ก็สามสิบห้าแล้วครับ ก็เกือบยี่สิบปี่" พอได้ยินคำตอบผู้เขียนถึงกับตกใจกับอายุการทำงานของแก แล้วถามอีกว่า"แล้ววันหนึ่งเฉลี่ยแล้วได้กี่บาท" แกเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังคิดถึงอะไรสักอย่าง "ทุกวันนี้ลำบากครับ แต่ก่อนก็พอกินพอใช้ เพราะภาระมันไม่มาก แต่ตั้งแต่เลิกกับแฟนไป ภาระก็ตกมาอยู่ที่ผมคนเดียว อีกอย่างผมต้องเลี้ยงลูกตั้งสองคน ถ้าผิดไม่เป็นโรคไขมันในเส้นเลือดผมจะขับทั้งวันไม่คืนเลย" เเกพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ผู้เขียนก็ถามอีกว่า "ลูกอายุเท่าไหร่แล้ว" "คนเล็กสามเดือน คนโตสิบสี่ปีแล้วครับ ดีนะคนเล็กญาติเอาไปเลี้ยงที่ต่างอำเภอ แต่ผมก็ต้องส่งค่านมทุกเดือน ส่วนคนโตก็เข้าโรงเรียนแล้ว" คำตอบของแกเหมือนกำลังจะระบายความทุกข์ที่ อัดอั้นตันใจมานาน

"ต้องสู้เท่านั้น ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ก็ต้องสู้ต่อไปนะ"

"ครับ เพื่อลูกผมต้อทำ เพราะเลี้ยงลูกเขามีเลือดเนื้อเราผมไม่เคยเสียดาย แต่เลี้ยงแฟนนี้สิไม่มีเลือดมีเนื้อเรา มันกับเอาเงินไปเล่นชู้ มีเเต่เสียกับเสีย ใจคอทำด้วยอะไรก็ไม่รู้  ตอนแรกรักกันมาก แต่ทิ้งผมไม่เท่าไหร่หรอก ลูกตัวเล็กๆไม่กี่เดือนมันยังทิ้งได้ลงคอ" เสียงของผู้ชายคนเดียวที่เลี้ยงลูกตั้งสองคน ภาระมากมายที่เขาต้องแบกรับ หนักหนาแค่ไหนเขาก็สู้เพื่อลูก

เลี้ยงลูกดีกว่าเลี้ยงแฟน
มุมมองความรักที่อวสานลงกลางคัน โดยมีพยายามแห่งความรักเหลือไว้ตั้งสองคน

ชีวิตคู่ หนึ่งบวกหนึ่งต้องกลายเป็นหนึ่ง หมายถึงใจของคนสองคนรวมกันต้องเป็นหนึ่งเดียว ไม่เป็นอื่น ต้องมี ศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญา เสมอกันถึงจะอยู่ด้วยกันได้นาน

แต่ในเรื่องราวความรักไม่มีอะไรแน่นอนดั่งที่พุทธองค์สอนไว้
อนิจจัง  ทุกขัง อนัตตา

เหมือนกับการนั่งแท็กซี่พอถึงปลายสุดท้ายแล้วก็ต้องลง

ก่อนจากกันดูหน้าแกยิ้มแย้มสบายใจขึ้นที่ได้ระบายมันออกมา

อำลาแท็กซี่ด้วยคำว่า...สู้ต่อไปนะ

๏เปื้อนฝุ่น




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โพสต์แนะนำ

แล้วมันจะผ่านไปจริงๆ

                                สักวันหากคุณเจอ เรื่องราวร้ายๆ   ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  เรื่องที่คุณไม่สามารถ แก้ไขอะไรมันได้   ...