วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วิถีสามเณรน้อย





เด็กน้อยอายุไม่ถึงสิบขวบ  อำลาจากอ้อมกอดพ่อแม่มุ่งหน้าสู่ร่มเงาของพระบวรพุทธศาสนา  สลัดเสื้อผ้า  เปลียนมาห่มผ้ากาสาวพัสตร์  รับไตรสรณคมน์และศีลสิบ กลายมาเป็นสามเณร 

สามเณร เหล่าก่อแห่งสมณะ คือผู้ที่อายุยังน้อยไม่สามารถอุปสมบทเป็นพระภิกษุได้  คนที่จะบวชเป็นสามเณรได้ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าเจ็ดปีพอช่วยเหลือตัวเอง 

พอบวชแล้วต้องรักษาศีลสิบ ทำกิจวัตรให้ครบถ้วนสมบูรณ์  เล่าเรียนคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งนักธรรมและบาลี ตามสมควรของสติปัญญา

ในปัจจุบันมีสามเณรมากมายนิยมบวชเรียน เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและช่วยเเบ่งเบาภาระทางครอบครัวไปด้วย 



บทความนี้ผู้เขียนขอเสนอวิถีของสามเณรน้อยของวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี สามเณรที่เรียนทั้งทางโลกและทางธรรมควบคู่กันไป ในวัดแห่งนี้มีสามเณรประมาณ สามสิบกว่ารูปอายุแตกต่างกันไปตามลำดับตั้งแต่เเปด เก้าขวบ จนถึง ยี่สิบปี ในมุมของสามเณรผู้ใหญ่ผู้เขียนไม่ขอพูดถึง  แต่ที่สนใจก็คือสามเณรตัวเล็กๆ



เด็กอายุเเปดเก้าขวบ จากพ่อแม่มาอยู่วัด ถ้าใจไม่เเข็งพอก็คงอยู่ไม่ได้ เพราะในวัดนั้นต้องมีกิจวัตรมากมายที่ต้องทำ เช่น  ตื่นเช้าตั้งแต่ตีห้าไปบิณฑบาต หกโมงเช้าไปกวาดลานวัด เจ็ดโมงครึ่งไปทำวัตร แปดโมงถึงสามโมงเย็นไปเรียนทางโลก หกโมงเย็นถึงทุ่มหนึ่ง เรียนนักธรรม หนึ่งทุ่มถึงสองทุ่มเรียนพระบาลี หลังจากนั้นก็ต้องท่องหนังสือส่งจนดึกดืนกว่าจะได้นอน นี้คือวิถีชีวิตของสามเณรน้อยที่ต้องทำเป็นประจำทุกวัน


ผู้เขียนเคยถามว่า คิดถึงบ้านไหม คิดถึงสามเณรตอบ เลยถามต่อไปอีกว่า อยากกลับบ้านไหมคำตอบที่ได้เป็นไปอย่างไม่คาดคิด สามเณรน้อยตอบด้วยความมั่นใจว่า...ไม่อยากกลับ คิดถึงบ้านแต่ไม่อยากกลับ  สาเหตุนั้นเป็นเพราะอะไรไม่อาจล่วงรู้ได้ แต่สามเณร  ก็คือ เด็กคนหนึ่ง ย่อมมีดื้อมีชนบ้างเป็นเรื่องธรรมดา

ในสมัยพุทธกาลมีสามเณรน้อยเช่นกัน อายุเเค่เจ็ดขวบบำเพ็ญสมณธรรมจนได้บรรลุพระอรหัตผล ชื่อว่า สามเณรบัณฑิต

สามเณรบัณทิตเกิดในตระกูลปัฎฐากของพระสารีบุตร เมื่ออายุเจ็ดขวบก็ได้บวชเป็นสามเณรโดยมีพระสารีบุตรเป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่มาวันหนึ่งได้ออกบิณฑบาตกับพระสารีบุตร ได้เกิดความสงสัยเมื่อเห็นคนชักน้ำจากเหมืองจึงได้ถามพระเถระว่า  ''น้ำมีจิตใจหรือไม่''

''"น้ำไม่มีจิตใจ'' พระเถระตอบ  สามเณรจึงคิดว่า เมื่อคนสามารถชักน้ำซึ่งไม่มีจิตใจไปสู่ที่ที่ตนเองต้องการได้ แต่เหตุใดจึงไม่สามารถบังคับจิตให้อยู่ในอำนาจได้''

เดินต่อไปอีกสักพักก็เจอคนกำลังถากไม้จะทำเกวียนเลยถามพระเถระอีกว่า "ไม้นั้นมีจิตใจหรือไม่" พระเถระก็ตอบเหมือนเดิมว่า"ไม้ไม่มีจิตใจ"     คนสามารถนำเอาท่อนไม้ที่ไม่มีจิตใจมาทำเป็นล้อได้ แต่ทำไมไม่สามารถบังคับจิตใจได้ สามเณรคิดเมื่อได้ฟังคำตอบ

พอเดินไปอีกหน่อยก็เจอคนกำลังใช้ไฟดัดลูกธนู สามเณรก็เกิดความสงสัยอีกครั้งเลยถามพระเถระว่า "ลูกศรนั้นมีจิตใจหรือไม่" พระเถระตอบว่า "ลูกศรไม่มีจิตใจ" เมื่อได้ฟังคำตอบจากพระเถระจึงคิดว่า คนสามารถดัดลูกศรให้ตรงได้ แต่ไม่สามารถบังคับจิตให้อยู่ในอำนาจได

 หลังจากนั้นสามเณรก็เกิดความคิดจะปฏิบัติสมณธรรมเลยขอพระเถระให้นำอาหารมาฝาก พระเถระรับปากและให้สามเณรบัณบัติไปปฏิธรรม ที่วัด

ขณะสามเณรปฏิบัติธรรมได้มีท้าวสักกะและท้าวมหาราชทั้ง ๔ มาอารักขาทำให้วัดเกิดความสงบเลยทำให้จิตใจของสามเณรนั้นเเน่วเเน่จนบรรลุอนาคามิผล

 พระพุทธเจ้าทรงทราบเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยพระญาณ จึงดำริว่าหากพระองค์ไม่เสด็จไปอารักขา สามเณรบัณฑิบจะไม่สามารถบรรลุพระอรหันต์ได้จึงเสด็จไปอารักขาที่ซุ้มประตูวัด เมื่อพระสารีบุตรมาถึงตรัสถามปัญหา ๔ ข้อระหว่างที่พระพุทธเจ้าตรัสถามปัญหากับพระสารีบุตรนั้น สามเณรได้บำเพ็ญเพียรสมณธรรมและได้บรรลุพระอรหัตผลแล้ว

นี้คือสามเณรตัวอย่างในสมัยพุทธกาลอายุแค่เจ็ดขวบแต่ปฏิบัติสมณธรรมจนได้บรรลุพระอรหัตผล 

ในสมัยปัจจุบันถึงแม้จะไม่มีสามเณอรหันต์ปรากฎขึ้น แต่สามเณรน้อยเหล่านี้เมื่อพวกเขาตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ถูกดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี  เมื่อเขาโตขึ้นถ้าไม่ลาสิกขา ก็จะได้เป็นกำลังหลักของพระพุทธศาสนา แต่ถ้าลาสิกขาพวกเขาก็จะเป็นเยาวชนคนดีของสังคมสืบไป

วีถีของสามเณรน้อย  เหล่าก่อแห่งสมณะ ผู้จากบ้านมาเพื่อศึกษาเล่าเรียน หวังเป็นที่พึงและเเบ่งเบาภาระของครอบครัว อนาคตไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าทิศทางของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ก็ต้องรอดูตออนต่อไป

...เปื้อนฝุ่น









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โพสต์แนะนำ

แล้วมันจะผ่านไปจริงๆ

                                สักวันหากคุณเจอ เรื่องราวร้ายๆ   ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  เรื่องที่คุณไม่สามารถ แก้ไขอะไรมันได้   ...